กายภาพบำบัด
กายภาพบำบัด ถือเป็นคำที่เราได้ยินกันอยู่บ่อยๆ จนคุ้นชิน ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่าการทำกายภาพบำบัดนั้นจะทำเฉพาะกับผู้ป่วยที่เป็นโรคอัมพฤกษ์-อัมพาต ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณขาหรือเข่า และผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วการทำกายบำบัดสามารถใช้รักษา และฟื้นฟูอาการหรือโรคอื่น ๆ ได้ด้วย แม้แต่อาการ “โรคออฟฟิศซินโดรม” ก็สามารถใช้การทำกายภาพบำบัดช่วยได้เช่นกัน
การทำกายภาพบำบัด คืออะไร
กายภาพบำบัด คือ ศาสตร์แห่งการฟื้นฟูร่างกายและดูแลสุขภาพ เพื่อให้ผู้ป่วยกลับมามีร่างกายที่แข็งแรง สามารถกลับมาใช้ชีวิตและเคลื่อนไหวได้ตามปกติ หรือใกล้เคียงปกติมากที่สุด โดยในการทำกายภาพบำบัดจะเป็นการรักษาที่ไม่ได้ใช้ยา แต่จะเกี่ยวข้องกับการบำบัดด้วยการฝึกความสมดุลของร่างกาย การเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและข้อต่อ รวมไปถึงการกระตุ้นเซลล์ให้กลับมาทำงานได้ตามปกติ จึงทำให้การทำกายภาพบำบัดถือเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญอย่างมาก และถูกจัดอยู่ในแผนการรักษาของผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหว
การรักษาแบบ กายภาพบำบัด มีกี่แบบ
เนื่องจากการทำกายภาพบำบัด สามารถใช้รักษาและฟื้นฟูร่างกายได้หลากหลายอาการ ไม่ใช่เพียงแค่ความผิดปกติด้านการเคลื่อนไหวเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการบรรเทาอาการปวดเหมื่อย และผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้ด้วย ทำให้ในการรักษาแบบกายภาพบำบัดนั้น สามารถทำได้หลายรูปแบบ ซึ่งหลักๆ แล้วจะมีอยู่ 4 แบบ ดังนี้
1.การบำบัดด้วยมือ
การบำบัดด้วยมือ จะเป็นการทำกายภาพบำบัดที่อาศัยการใช้มือ ในการนวดหรือกดตามจุดต่างๆ ที่มีอาการ การดัด หรือการขยับข้อต่อ เพื่อเป็นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น และลดอาการเจ็บปวด รวมถึงยังเป็นการช่วยปรับโครงสร้างของกระดูกหรือข้อต่อ ให้กลับมาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
2.การฝึกเคลื่อนไหวร่างกาย
การทำกายภาพบำบัดและฟื้นฟูอาการ ด้วยการฝึกเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น การฝึกเดิน การฝึกใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน การฝึกยกแขน กำแขน เป็นต้น ซึ่งการทำกิจกรรมเหล่านี้ร่างกายจะค่อยๆ เริ่มฟื้นฟูสมรรถภาพของตัวเองและช่วยในการฟื้นฟูอการการของโรคเข่าเสื่อมได้และเพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันและทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ดังเดิม
3.การออกกำลังกาย
การทำกายภาพบำบัดด้วยการออกกำลังกาย สามารถทำได้หลากหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการยืดกล้ามเนื้อ การยกน้ำหนัก การฝึกความสมดุลของร่างกาย หรือการออกกำลังในน้ำ โดยการออกกำลังกายจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกาย เพิ่มความยืดหยุ่น และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานระหว่างระบบประสาทกับกล้ามเนื้อ
4.การใช้เครื่องมือช่วยรักษา
นอกจากการบำบัดโดยการทำกิจกรรมต่าง ๆ แล้ว ยังสามารถนำเครื่องมือมาใช้ประกอบการทำกายภาพบำบัดร่วมกับวิธีอื่นได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการใช้คลื่นอัลตราซาวด์ การใช้กระแสไฟฟ้า รวมถึงการใช้ความร้อนและความเย็นด้วยการประคบ ซึ่งจะเป็นการทำเพื่อช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ในร่างกาย ให้ทำงานได้ดีและหายเร็วขึ้น
ผู้ป่วยแบบไหนต้องได้รับการรักษาแบบกายภาพบำบัด
สำหรับผู้ป่วยที่ต้องได้รับการรักษาและฟื้นฟูแบบกายภาพบำบัด จะมีอยู่หลายกลุ่มเลย ทั้งผู้ป่วยที่มีความบกพร่องด้านการเคลื่อนไหวร่างกาย ผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากการผ่าตัดหรือประสบอุบัติเหตุ ผู้ป่วยที่เป็นอัมพฤกษ์-อัมพาต ผู้ป่วยที่มีความผิดปกติด้านกระดูกและกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านระบบประสาท รวมถึงผู้ป่วยที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับปอดและหัวใจ ก็สามารถทำกายภาพบำบัดเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นได้
ต้องทำกายภาพบำบัดนานแค่ไหน ถึงจะปกติ
ในการทำกายภาพบำบัดเพื่อรักษาและฟื้นฟูร่างกายของผู้ป่วยแต่ละคน จะมีรูปแบบการรักษาและต้องใช้ระยะเวลาในการบำบัดที่ไม่เท่ากัน เนื่องจากแต่ละคนมีสภาพร่างกาย อาการหรือความผิดปกติ และความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองที่แตกต่างกัน จึงทำให้ไม่สามารถบอกได้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน ถึงร่างกายจะกลับมาเป็นปกติ ซึ่งระยะเวลาที่ต้องใช้ในการทำกายภาพบำบัด จะขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยและประมาณการณ์จากแพทย์ที่ทำการรักษา ร่วมกับนักกายภาพบำบัด
การทำ กายภาพบำบัด นั้นมีความสำคัญและเป็นประโยชน์อย่างมาก สำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคทางระบบประสาท ระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ รวมไปถึงโรคที่เกี่ยวกับปอดและหัวใจ เพื่อช่วยในการรักษาและฟื้นฟูร่างกาย ให้กลับมาแข็งแรงและสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติ โดยในการทำกายภาพบำบัดผู้ป่วยควรจะต้องทำภายใต้การดูแลและคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้สามารถทำกายภาพบำบัดได้อย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพ และปลอดภัยต่อสุขภาพร่างกายของผู้ป่วยมากที่สุด
– – – – – – –
ช่องทางติดต่อทั้งหมด : https://rakmor.com/contact-us/
โทรติดต่อ : 062-696-8628
Line@ : @Rakmor
FB : https://www.facebook.com/Rakmormedical