ภาวะเลือดข้น เลือดหนืด คืออะไร ? มีสาเหตุมาจากอะไร วิธีตรวจวินิจฉัยและรักษาทำอย่างไร

ภาวะเลือดข้น คืออะไร มีสาเหตุและวิธีรักษาอย่างไร

ภาวะเลือดข้น คืออะไร ?

ภาวะเลือดข้น หรือเลือดหนืด (Polycythemia) คือ ภาวะที่ร่างกายมีจำนวนเซลล์เม็ดเลือดแดง (red blood cells) มากกว่าปกติ ซึ่งโดยปกติในร่างกายของคนเราจะมีจำนวนเซลล์เม็ดเลือดแดงประมาณ 4.5 – 5.5 ล้านเซลล์/ไมล์ลิตร แต่ในผู้ที่มีภาวะเลือดข้นจะมีจำนวนเซลล์เลือดแดงสูงกว่าปกติ ทำให้ความหนาแน่นหรือความเข้มข้นของเลือดสูงขึ้น ส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดไม่สะดวก และเป็นสาเหตุของโรคหลายชนิด เช่น โรคหลอดเลือดสมองอุดตัน โรคหลอดเลือดในตับอุดตัน หรือโรคหลอดเลือดสมองอุดตัน เป็นต้น 

คลิกอ่านหัวข้อที่สนใจได้เลยค่ะ 😊 ซ่อน

อาการเลือดข้น เลือดหนืดเป็นอย่างไร

คนที่มีภาวะเลือดข้น หรือเลือดหนืดในระดับที่ยังไม่มีความรุนแรงมาก จะมีอาการปวดหัว วิงเวียนศีรษะ ไข้ขึ้น หัวใจเต้นเร็ว แน่นหน้าอก หรือเจ็บแน่นที่ช่องท้อง มีอาการปวดตามข้อต่างๆ หรือคันหลังอาบน้ำ และอาจมีอาการสั่น และชาบริเวณมือและเท้า ส่วนคนที่มีภาวะเลือดข้นรุนแรง จะเกิดลิ่มเลือด และมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด เสี่ยงที่จะเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ดังนั้นผู้ที่มีอาการเบื้องต้นจึงควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อการวินิจฉัยและการรักษา และควรเข้ารับการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ

สาเหตุเลือดข้น มีอะไรบ้าง ?

ภาวะเลือดข้นเป็นภาวะที่สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะเลือดข้น มีดังนี้

1.การมีปริมาณน้ำเลือดหรือพลาสมาลดลง

เป็นภาวะที่เลือดมีความเย็น หรือขาดน้ำหนัก ทำให้ปริมาณน้ำเลือดหรือพลาสมาลดลงจากปกติ สาเหตุของการเกิดสภาวะนี้อาจเกิดจากการเลือดออกมากเกินไป เช่น เจ็บแผลที่มีการเลือดออกมาก, การเกิดโรคที่ทำให้เลือดตัวสีแดงลดลง เช่น โรคธาลัสซีเมีย, การสูญเสียน้ำเลือดหรือพลาสมามากเกินไปจากการไหลเวียนไม่สม่ำเสมอ เช่น โรคนิ่วเลือดอักเสบ

2.ไขกระดูกผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงออกมาในปริมาณที่มากเกินไป

โดยปกติแล้ว ไขกระดูกจะผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อส่งต่อไปใช้งานยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย แต่การที่ไขกระดูกจะผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงมากเกินไป จะทำให้เกิดภาวะเลือดข้น สำหรับสาเหตุที่ทำให้ไขกระดูกผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงมากเกินไปอาจจะมาจาก สาเหตุต่างๆ เช่น โรคธาลัสซีเมีย โรคมะเร็ง หรือโรคเลือด เป็นต้น

📌 คลิกอ่านเพิ่มเติม : ฮีโมโกลบิน คืออะไร ? มีความสำคัญอย่างไรต่อร่างกาย วิธีตรวจหาฮีโมโกลบินในเลือด ต้องทำอย่างไรบ้าง

อันตรายของภาวะเลือดข้น มีอะไรบ้าง

ภาวะเลือดข้นอันตรายไหม ?

ภาวะเลือดข้นเป็นภาวะที่มีความอันตราย โดยจะทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือด และทำให้เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น หลอดเลือดอุดตัน โรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมองอุดตัน และมะเร็งเลือด เป็นต้น นอกจากนี้ภาวะเลือดข้นยังทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอาการแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น การจับตัวของเซลล์เลือดแดงในหลอดเลือด ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนทางการไหลเวียนเลือด เช่น โรคอัมพาต หรืออาจเกิดเส้นเลือดแดงอักเสบ ซึ่งอาจส่งผลต่อร่างกายได้มากเป็นพิเศษเมื่อเกิดขึ้นกับเส้นเลือดขนาดใหญ่ 

วิธีตรวจหาภาวะเลือดข้น เลือดหนืด

การตรวจหาภาวะเลือดข้นจะช่วยให้สามารถตรวจจับภาวะเสี่ยงต่อโรคเหล่านี้ได้เร็วและมีประสิทธิภาพ สำหรับวิธีการตรวจหาภาวะเลือดข้น แบ่งเป็น 5 วิธี ดังนี้

1.วิธีตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (Complete Blood Count: CBC)

Complete Blood Count เป็นการตรวจวัดปริมาณ และคุณภาพของส่วนประกอบต่างๆ ของเลือด ซึ่งประกอบไปด้วยเม็ดเลือดแดง, เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด โดยส่วนประกอบเหล่านี้จะช่วยให้สามารถตรวจวินิจฉัยโรคและตรวจสอบสุขภาพของร่างกายได้ 

2.วิธีตรวจสเมียร์เลือด (Blood Smear)

Blood Smear เป็นวิธีการตรวจสอบเซลล์เม็ดเลือดที่มีความเจ็บปวดน้อยที่สุด และเป็นวิธีที่สำคัญในการวินิจฉัยโรคต่างๆ เช่น โรคฉี่หนู โรคมะเร็ง เนื้องอก เชื้อรา ไข้เลือดออก โรคติดเชื้อ เป็นต้น

3.วิธีตรวจอีริโทโพอิติน (Erythropoietin Test)

Erythropoietin เป็นการตรวจภาวะเลือดข้นทางห้องปฏิบัติการ โดยจะมีการวัดระดับ EPO ในเลือด เพื่อวินิจฉัยว่าผู้ป่วยมีภาวะเลือดข้นหรือไม่ ส่วนใหญ่การตรวจ EPO มีความสำคัญในการวินิจฉัยภาวะเลือดข้นในผู้ป่วยที่เป็นนักกีฬา ผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูง หรือผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรังที่เกี่ยวกับเลือด เช่น โรคไตเรื้อรัง ภาวะโลหิตจาง หรือภาวะเลือดเป็นพิษ

4.วิธีตรวจไขกระดูก

การตรวจไขกระดูก เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ใช้ตรวจภาวะเลือดข้น โดยขั้นตอนการตรวจจะใช้การดูดและเจาะเนื้อเยื่อไขกระดูก เพื่อนำตัวอย่างใช้กระดูกที่ได้ไปวิเคราะห์ผลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน หากวิเคราะห์แล้วพบจำนวนเซลล์เม็ดเลือดแดงมากกว่าปกติ หมายความว่าผู้ป่วยมีภาวะเลือดข้น 

5.วิธีตรวจหาสารพันธุกรรมเจเอเคทู (JAK2)

JAK2 เป็นสารพันธุกรรมที่มีผลต่อการเกิดภาวะเลือดข้น ในกรณีที่คนที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเลือดข้น มีอาการต่างๆ เช่น มีเลือดออกมากเกินไป มีอาการเหนื่อยล้าและไม่มีแรง แพทย์อาจจะสั่งให้ทำการตรวจหาสารพันธุกรรมเจเอเคทู (JAK2) เพื่อประเมินความเสี่ยงในการเป็นโรคเลือดข้น เพราะร้อยละ 95 ของผู้ที่มีภาวะเลือดข้น มักจะเกิดจากความผิดปกติของสารพันธุกรรมเจเอเคทู

📌 คลิกอ่านเพิ่มเติม : ฮีมาโตคริต (Hematocrit) คืออะไร ? ค่าปกติควรอยู่ที่เท่าไหร่ วิธีการตรวจหาต้องทำอย่างไรบ้าง

แนวทางการรักษาภาวะเลือดข้น

การรักษาภาวะเลือดข้นจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ โดยแนวทางทางการรักษาหลักๆ มี 2 วิธี ดังนี้

1.รักษาด้วยการถ่ายเลือด

การถ่ายเลือดเป็นวิธีหนึ่งในการรักษาภาวะเลือดข้น โดยจะมีการใช้เข็มเชื่อมต่อกับเส้นเลือดและถ่ายเทเลือดออกจากผู้ป่วย สำหรับเหตุผลที่ต้องถ่ายเลือด ก็เพื่อลดปริมาณเซลล์เลือดแดงในร่างกาย ลดความเข้มข้นของเลือด และลดความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในอนาคต 

2.รักษาด้วยการใช้ยา

การรักษาภาวะเลือดข้นด้วยการใช้ยา จะขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของภาวะเลือดข้นของผู้ป่วย ในบางกรณี การรักษาด้วยยาอาจไม่เพียงพอต่อการปรับปรุงสุขภาพให้ดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ยาสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะโรคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาวะเลือดข้นได้ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นต้น

วิธีป้องกันภาวะเลือดข้น มีอะไรบ้าง

วิธีป้องกันและลดอาการเลือดข้น เลือดหนืด 

  • ดื่มน้ำอย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน เพราะการดื่มน้ำจะช่วยลดความเข้มข้นของเลือดได้
  • การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อปรับปรุงการไหลเวียนของเลือด และช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เพราะน้ำหนักเกินมากจะทำให้เพิ่มความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ลดการบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง เพราะการบริโภคอาหารเหล่านี้ อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปอาจเป็นสาเหตุของเลือดข้น 

ภาวะเลือดข้น (Polycythemia) เป็นภาวะที่มีความอันตรายต่อร่างกาย อาจทำให้เกิดลิ่มเลือด และอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพร้ายแรง เช่น โรคหลอดเลือดสมอง หัวใจวาย หรือเส้นเลือดอุดตันในปอด ดังนั้นถ้าไม่อยากเป็นภาวะเลือดข้น ก็ควรจะป้องกันด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำ รักษาความชุ่มชื้นให้กับร่างกายด้วยการดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอ ลดการบริโภคอาหารที่มีไขมันสูงและแอลกอฮอล์ หากทำได้ก็จะลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเลือดข้นได้ 

ส่วนบุคลากรทางการแพทย์ หรือโรงพยาบาลที่ต้องการเครื่องปั่นเหวี่ยงตกตะกอน (Centrifuge) ไว้ใช้ในห้องปฏิบัติการชีวภาพ แนะนำให้ซื้อที่ Rakmor เพราะเครื่องปั่นเหวี่ยงตกตะกอนของทางร้านมีคุณภาพ สามารถใช้งานในห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ภาวะเลือดข้น และวิจัยโรคต่างๆ ได้เป็นอย่างดี 

แหล่งข้อมูล : 

https://www.phyathai.com/

https://www.pobpad.com/

https://amprohealth.com/checkup/polycythemia/

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *