หัวใจเต้นผิดจังหวะ ภาวะนี้ไม่ควรปล่อยไว้ ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วนภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะนั้นรู้หรือไม่ว่าพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิงโดยปกติพบได้ 1-2% และมีโอกาสเสี่ยงเมื่ออายุเพิ่มสูงขึ้นมักเกิดกับผู้ที่มีอายุ 70-80 ปี อัตราส่วนเพิ่มขึ้นถึง 5% วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ อาการเป็นอย่างไร สาเหตุของการเกิดโรค การตรวจวินิจฉัย วิธีการรักษาพร้อมแนวทางการป้องกันไปดูกันเลย
โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ คือ การเต้นของหัวใจที่ช้าหรือเร็วเกินไป เกิดจากความผิดปกติของกระแสไฟฟ้าในหัวใจ ส่งผลทำให้การเต้นของหัวใจน้อยกว่า 60 ครั้งต่อนาที หรือมากกว่า 100 ครั้งต่อนาที ไม่สม่ำเสมอไม่สัมพันธ์กับสภาวะร่างกายในขณะนั้น มีผลทำให้การสูบฉีดของเลือดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายขาดประสิทธิภาพ
หัวใจเต้นผิดจังหวะ อันตรายไหม
ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ อย่าคิดว่าไม่มีอันตราย อาจทำให้หายใจไม่ทัน มีอาการวิงเวียนศีรษะ เจ็บหน้าอก เป็นลม หากภาวะหัวใจห้องล่างเต้นแผ่วทำให้ความดันโลหิตลดลง ส่งผลทำให้หมดสติเฉียบพลันหรือหยุดหายใจได้มีโอกาสเสียชีวิตได้เลยทีเดียว

หัวใจเต้นผิดจังหวะ อาการเป็นอย่างไร
หัวใจเต้นผิดจังหวะ อาการของผู้ป่วยแต่ละรายอาจไม่รู้ตัวว่า การเต้นของหัวใจกำลังมีปัญหาและมักจะพบเจอหลังจากการตรวจสุขภาพ เนื่องจากอาการที่แสดงออกมามีความแตกต่างกัน แยกออกไปตามระดับความรุนแรง ในกรณีที่เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะแบบรุนแรงร่างกายจะอ่อนเพลีย เสี่ยงหมดสติหรือเป็นลมได้ เมื่อหัวใจเต้นช้าผิดปกติน้อยกว่า 60 ครั้งต่อนาที หรือในกรณีที่หัวใจเต้นเร็วมากกว่า 100 ครั้งต่อนาที ผู้ป่วยในกลุ่มนี้จะมีอาการเจ็บหน้าอก ใจสั่น หัวใจเต้นเร็วแรง หายใจไม่ทัน หอบเหนื่อยง่ายกว่าปกติ
โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง
หัวใจเต้นผิดจังหวะ เกิดจากความผิดปกติที่เกิดในระบบไฟฟ้าหัวใจหรือความผิดปกติของโครงสร้างหัวใจ ยกตัวอย่างเช่น กล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติตั้งแต่กำเนิด มีภาวะลิ้นหัวใจรั่ว ผนังหัวใจหนาหรือหลอดเลือดหัวใจตีบ นอกจากนั้นหัวใจเต้นผิดจังหวะ สาเหตุยังเกิดจากปัจจัยอื่นๆ ได้ เช่น พฤติกรรมการใช้ชีวิต โรคประจำตัวของผู้ป่วยที่มีผลทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะไม่ว่าจะเป็นความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ต่อมไทรอยด์ผิดปกติ การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ เป็นต้น
การตรวจวินิจฉัยโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ มีวิธีแบบใดบ้าง
1.ตรวจด้วยคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ECG/EKG
สำหรับการตรวจวินิจฉัยภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะสามารถทำได้ด้วยเครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ECG หรือ EKG (Electrocardiogram) เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการตลอดเวลา
2.เครื่องบันทึกสัญญาณไฟฟ้า
การตรวจวินิจฉัยโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะสามารถตรวจได้ด้วยเครื่องบันทึกสัญญาณไฟฟ้า 24 ถึง 48 ชั่วโมง (Holter Monitoring 24 – 48 hr.) การวินิจฉัยด้วยวิธีนี้เหมาะกับผู้ป่วยที่มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่เป็นบ่อย
3.เครื่องบันทึกสัญญาณไฟฟ้าแบบพกพา
หัวใจเต้นผิดจังหวะ สามารถตรวจรักษาด้วยเครื่องบันทึกไฟฟ้าแบบพกพาหรือ Event Recorder เหมาะกับผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะแต่ไม่บ่อยนัก อาจเป็นเดือนละ 1-2 ครั้ง เครื่องจะบันทึกในช่วงระยะเวลาสั้นๆ และกดปุ่มส่งผลการบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจมาที่โรงพยาบาล
4.เครื่องบันทึกสัญญาณไฟฟ้าชนิดฝังเครื่องใต้ผิว
การตรวจโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ สามารถทำได้ด้วยการใช้เครื่องบันทึกสัญญาณไฟฟ้าแบบฝังเครื่องใต้ผิวหนังบริเวณหน้าอก (Implantable Loop Recorder) ซึ่งเหมาะกับผู้ป่วยที่มีหัวใจเต้นผิดจังหวะไม่บ่อยจะใช้วิธีการฝังบริเวณหน้าอกฝั่งซ้าย
5.ตรวจเช็คสัญญาณไฟฟ้าที่ผิดปกติของหัวใจด้วยสายสวนหัวใจ
การตรวจเช็คสัญญาณไฟฟ้าที่มีความผิดปกติในหัวใจ โดยใช้สายสวนหัวใจ (EP Study) สำหรับวิธีนี้จะใช้ในกรณีที่ไม่สามารถตรวจพบเจอภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือภาวะหัวใจเต้นผิดปกติได้จากการตรวจต่างๆ ที่กล่าวมาในข้างต้น
โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ วิธีรักษาทำอย่างไร
- อาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ รักษาเบื้องต้นได้ด้วยการรับประทานยาควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจ หรือใช้ยาต้านการเต้นหัวใจผิดจังหวะ
- ใช้คลื่นความถี่จี้ในบริเวณที่ส่งสัญญาณผิดปกติ โดยใส่สายเข้าไปในเส้นเลือดใช้คลื่นความถี่ตัดวงจรการส่งสัญญาณผิดปกติและทำการจี้เข้าไป
- รักษาด้วยการผ่าตัด โดยผ่าตัดในบริเวณเนื้อเยื่อของห้องหัวใจส่วนบนที่มีการส่งสัญญาณผิดปกติ ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการผิดปกติ หัวใจเต้นผิดจังหวะช้ามากเป็นพิเศษ
- เครื่องกระตุกหัวใจอัตโนมัติ เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่หัวใจห้องล่างมีอาการเต้นผิดจังหวะ เต้นเร็วกว่าปกติ ซึ่งมีความเสี่ยงอาจจะเสียชีวิตหากหัวใจไม่กลับมาเต้นตามปกติ ในกรณีที่ผู้ป่วยพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน หากเกิดเหตุถึงขั้นเสียชีวิต เครื่องช็อกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติจะกระตุ้นให้หัวใจของผู้ป่วยให้ฟื้นกลับมา

แนวทางวิธีป้องโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- อาหารบํารุง หัวใจเต้นผิดจังหวะ ควรทานอาหารที่มีโอเมก้า 3 และโปรตีน เช่น ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ทานผักผลไม้ ธัญพืชต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
- ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตและพักผ่อนให้เพียงพอ
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เพื่อควบคุมระดับความดันโลหิตและรักษาคอเลสเตอรอลให้อยู่ในเกณฑ์ที่ปกติ
- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่หรือการใช้สารเสพติด
- เข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี รีบพบแพทย์หากพบความผิดปกติเพื่อทำการรักษาและหาวิธีป้องกันอย่างถูกต้อง
หัวใจเต้นผิดจังหวะ กับคำถามที่พบบ่อย
การรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะมีโอกาสหายขาด 95-99%
หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงรวมไปถึงอาหารรสเค็ม อาหารรสหวานจัด งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ และน้ำอัดลม
หากมีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะเต้นช้าไปหรือมากไป จนส่งผลต่อการใช้ชีวิต เช่น มีอาการอ่อนเพลีย หอบเหนื่อย ไม่ควรขับรถหรือควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมต่างๆ
การรักษาโรคหัวใจค่ารักษาแตกต่างกันออกไปตามวิธีการในการรักษา โดยค่ารักษาเริ่มต้นตั้งแต่หลักหมื่นจนถึงหลักแสนบาท
การรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมสามารถติดต่อเข้ารับการบริการได้ไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาล
ผู้ที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ สามารถออกกำลังกายได้ตามปกติ เพราะจะช่วยให้การสูบฉีดเลือดเพื่อไหลเวียนภายในร่างกาย แต่ถ้าหากมีอาการผิดปกติ เช่น เวียนศีรษะ หน้ามืด เจ็บหน้าอก หัวใจเต้นผิดปกติให้รีบหยุดกิจกรรมดังกล่าวทันที

โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ อันตรายมากกว่าที่คิดอย่าชะล่าใจหรือปล่อยไว้นาน ควรเข้าพบแพทย์เพื่อรับการรักษา หากปล่อยไว้นานจนมีระดับความรุนแรงที่มากก็อาจส่งผลทำให้เสียชีวิตได้เลยทีเดียว ทั้งหมดนี้คือสาระดีๆ ที่เราเอามาฝากเพราะโรคภัยเป็นเรื่องใกล้ตัว โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะเกิดขึ้นได้กับทุกคน สำหรับแนวทางการป้องกัน เพียงทำตามคำแนะนำของเราได้เพื่อให้ห่างไกลจากโรคร้ายและมีสุขภาพที่แข็งแรง เมื่อหัวใจเต้นผิดจังหวะก็อาจนำไปสู่ภาวะหัวใจหยุดเต้น การมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ดี มีการรับประกัน ก็จะช่วยป้องกันดูแลชีวิตให้กับผู้ป่วยไม่เป็นอันตราย อย่างเครื่อง AED เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้า หรือเครื่องตรวจคลื่นบันทึกหัวใจไฟฟ้าแบบพกพา สามารถสั่งซื้อได้ที่ Rakmor จำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์และเครื่องมือทางการแพทย์ครบวงจร พร้อมให้คำปรึกษา สอนการใช้งาน สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Rakmor.com
ช่องทางติดต่อเราเพิ่มเติม : https://rakmor.com/contact-us/
โทรศัพท์ : 062-696-8628
Facebook : https://www.facebook.com/Rakmormedical
Line : @Rakmor