เลือดข้นกินอาหารแบบไหนดี
หลายคนอยากรู้ว่าเลือดหนืดควรกินอะไร หรือคนที่มีภาวะเลือดข้นกินอาหารแบบไหนดี ? เนื่องจากภาวะเลือดข้นเป็นภาวะที่มีความเข้มข้นของเลือดมากกว่าปกติ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อระบบการไหลเวียนเลือด ทำให้เลือดถูกส่งไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ไม่เพียงพอ และยังทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย มึนงง ใจสั่น และอาจเกิดภาวะหมดสติ
ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหานี้ คนที่มีภาวะเลือดหนืด ควรศึกษาวิธีการแก้ปัญหา และควรรู้ว่าคนมีเลือดหนืดควรกินอะไร สำหรับอาหารที่แก้ปัญหาเลือดหนืดได้นั้น ปัจจุบันมีหลายอย่าง ตั้งแต่อาหารที่อุดมด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 อาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น เบอร์รี่ ผักใบเขียว เป็นต้น ซึ่งในบทความนี้เราได้รวบรวมอาหารที่ควรทานและไม่ควรทาน สำหรับคนที่มีภาวะเลือดข้น เลือดหนืดมาให้แล้ว
หากมีภาวะเลือดหนืด ควรกินอะไร ? ถึงจะดีต่อสุขภาพ
อาหารหลายอย่างดีต่อสุขภาพ ทำให้ร่างกายแข็งแรง และยังช่วยบำรุงเลือด ช่วยในเรื่องของระบบไหลเวียนเลือด ทำให้เลือดลมไหลเวียนดี สำหรับอาหารที่เหมาะกับคนมีภาวะเลือดหนืด และเป็นอาหารที่คนเลือดหนืดควรกิน มีดังนี้
1.ปลาแซลมอน
เนื้อปลาแซลมอน อุดมไปด้วยกรดไขมันดีชนิดไม่อิ่มตัว และยังมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ดีต่อร่างกาย โดยกรดไขมันโอเมก้า 3 จะช่วยต้านการอักเสบ และกรดไขมันชนิดดีก็ช่วยแก้ปัญหาเลือดหนืดได้ นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในเรื่องระบบไหลเวียนเลือด ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบไหลเวียนเลือด ทำให้เลือดถูกส่งไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ดี มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
2.เบอร์รี่
เบอร์รี่เป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก โดยเบอร์รี่อุดมไปด้วย วิตามิน C ที่สูง ซึ่งวิตามิน C ก็ดีต่อร่างกาย ช่วยในการสร้างคอลลาเจน ช่วยลดปัญหาเลือดแข็งตัว และยังช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานในร่างกาย นอกจากนี้เบอร์รี่ยังมีสารแอนโธไซยานิน ซึ่งมีคุณสมบัติต้านอักเสบ ลดการอักเสบในหลอดเลือด และก็ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยลดการทำลายเซลล์ และป้องกันเส้นเลือดแข็งตาย ที่เป็นสาเหตุของภาวะเลือดหนืดได้อีกด้วย
3.กระเทียม
กระเทียม สมุนไพรที่มีคุณสมบัติทางการแพทย์ที่น่าสนใจ มีผลต่อระบบเลือดหลายอย่าง โดยกระเทียมมีสารสำคัญที่ชื่อว่าอัลลิซิน ซึ่งเป็นสารสำคัญมีคุณสมบัติในการสร้างภูมิคุ้มกันและต้านการอักเสบ นอกจากนี้ยังช่วยลดการแข็งตัวของหลอดเลือด ลดการติดเชื้อและเพิ่มความยืดหยุ่นของหลอดเลือด และยังช่วยลดการอุดตันในหลอดเลือดด้วย
4.แตงโม
แตงโมเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย เพราะในแตงโมมีสาร Citruline Amino Acid ที่มีประโยชน์ต่อระบบไหลเวียนเลือด ทำให้เส้นเลือดมีความยืดหยุ่น ทำให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก นอกจากนี้สารชนิดนี้ยังช่วยคลายเส้นเลือด ทำให้เส้นเลือดไม่แข็งตัว และทำให้ไม่เกิดการอุดตัน ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเลือดหนืดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5.พริก
พริก เป็นผักและสมุนไพรที่ช่วยกระตุ้นระบบการไหลเวียนเลือด เพราะในพริกมีสารสำคัญอย่าง Capsaicin ซึ่งเป็นสารที่มีผลกระทบต่อระบบไหลเวียนเลือด นอกจากนี้สารชนิดนี้ยังช่วยเร่งให้เส้นเลือดขยายตัว ทำให้เลือดไหลผ่านหลอดเลือดได้ง่ายขึ้น และยังช่วยลดความหนืดหนาของเลือด ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง หรืออัมพาต รวมถึงการเกิดโรคหลอดเลือดในหัวใจ
6.ทับทิม
ทับทิมเป็นผลไม้ที่ช่วยต้านเบาหวาน ช่วยบำรุงเลือด และยังช่วยเรื่องระบบไหลเวียนโลหิต ทำให้เลือดถูกส่งไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ทับทิมยังช่วยควบคุมคอเลสเตอรอลในร่างกาย ช่วยป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะเลือดข้นหรือเลือดหนืดอีกด้วย
7.แก้วมังกรสีแดง
แก้วมังกรสีแดงเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์และโปรตีน ซึ่งนอกจากจะช่วยบำรุงผิวให้เนียนนุ่มและเปล่งปลั่งแล้ว แก้วมังกรยังอุดมไปด้วยธาตุเหล็กที่จำเป็นต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง ซึ่งมีส่วนช่วยในเรื่องระบบไหลเวียนโลหิต ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานดี นอกจากนี้แก้วมังกรสีแดงยังมีประโยชน์ในการบำรุงเลือดอีกด้วย
8.ดาร์กช็อกโกแลต
ดาร์กช็อกโกแลตเป็นช็อกโกแลตที่มีประโยชน์ต่อระบบไหลเวียนเลือด เพราะดาร์กช็อกโกแลตมีส่วนประกอบหลายอย่างที่สามารถมีผลกระทบต่อระบบไหลเวียนเลือด เช่น สารธาตุกำมะถันสูง เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการเกิดอันตรายจากอนุมูลอิสระในร่างกาย ซึ่งการลดอนุมูลอิสระก็จะช่วยลดการอักเสบในผนังหลอดเลือด และช่วยลดความหนืดของเลือดได้
📌 คลิกอ่านเพิ่มเติม : รวม 7 อาหารบำรุงเลือด ที่มีธาตุเหล็กสูง ช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนโลหิต ป้องกันภาวะเลือดจาง
คนที่มีเลือดข้นห้ามกินอะไร ?
คนที่มีภาวะเลือดข้นหรือเลือดหนืด ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีปริมาณโซเดียมสูง อย่าง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง อาหารรสเค็มต่างๆ เพราะการทานอาหารที่มีโซเดียมสูง จะทำให้ร่างกายสะสมน้ำในร่างกายมากขึ้น เมื่อร่างกายมีน้ำในปริมาณที่มาก ก็จะทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูง ทำให้เกิดภาวะเลือดข้น ดังนั้นคนที่มีภาวะเลือดข้นจึงควร ลดปริมาณโซเดียมในอาหาร และควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัด สำหรับปริมาณโซเดียมที่ควรทาน แนะนำให้ทานต่อวันไม่ควรเกิน 2,300 มิลลิกรัม หรือประมาณ 1 ช้อนชา เท่านั้น
การรู้ว่าเลือดหนืดควรกินอะไร นั้นมีความสำคัญอย่างมาก เพราะจะทำให้คนที่มีภาวะเลือดข้น เลือดหนืด ได้ปรับตัวกับการทานอาหาร ได้รู้วิธีแก้ปัญหา และได้รู้ว่าควรจะทานอะไรเพื่อบำรุงเลือด และช่วยเรื่องระบบไหลเวียนเลือด แต่สิ่งที่สำคัญคือผู้ที่มีภาวะเลือดหนืด หรือมีความเสี่ยง ควรที่จะงดและหลีกเลี่ยงอาหารที่มีปริมาณโซเดียมสูง เพราะปริมาณโซเดียมที่สูงเกินไปจะส่งผลเสียต่อระบบไหลเวียนเลือด ทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูง ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้
ส่วนแพทย์หรือนักวิจัยที่ต้องการเครื่องมือแยกชั้นเลือด เพื่อแยกชั้นไขมันกับชั้นเลือด หรือต้องการตรวจปริมาณฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง แนะนำให้ใช้เครื่องปั่นเหวี่ยงตกตะกอน จากร้าน Rakmor เพราะเครื่องปั่นเบี่ยงตกตะกอนของทางร้านเป็นเครื่องมือที่ได้มาตรฐาน ช่วยแยกชั้นเลือด ตรวจปริมาณเม็ดเลือดแดงอัดแน่นได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ยังช่วยในอุตสาหกรรมทางการแพทย์ อุตสาหกรรมยา และอุตสาหกรรมอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
ขอใบเสนอราคาด่วน...คลิก
ผลตรวจผมพบว่าเลือดข้น ทำยังไงให้หายได้
การรักษาเลือดข้น
ในการรักษามีจุดประสงค์เพื่อลดจำนวนเซลล์เม็ดเลือดแดงที่ร่างกายผลิตออกมามากผิดปกติและป้องกันการเกิดลิ่มเลือด รวมถึงบรรเทาอาการต่าง ๆ จากภาวะเลือดข้น เช่น ปวดศีรษะ ตาพร่า เห็นภาพซ้อน เป็นต้น โดยแพทย์จะมีแนวทางในการรักษาดังต่อไปนี้
การถ่ายเลือด (Phlebotomy)
วิธีการจะคล้ายกับการบริจาคเลือด แพทย์หรือพยาบาลจะใช้เข็มเจาะที่เส้นเลือดบริเวณแขนแล้วถ่ายเลือดออกจากร่างกาย เพื่อกำจัดเซลล์เม็ดเลือดที่มีจำนวนมากเกินไป โดยจะรักษาทุกสัปดาห์ หากอาการดีขึ้นจะลดลงเหลือทุก ๆ 6–12 สัปดาห์ หรือน้อยกว่านั้น จนกว่าผู้ป่วยจะมีระดับความเข้มข้นของเลือดลดลงไปจากเดิมประมาณ 45% ผู้ป่วยอาจรู้สึกเหนื่อยหรือเมื่อยล้าหลังการถ่ายเลือด และเส้นเลือดอาจได้รับความเสียหายหากมีการถ่ายเลือดหลายครั้ง
การใช้ยา
เมื่อผู้ป่วยมีระดับความเข้มข้นของเลือดลดลงแล้ว แพทย์อาจจะให้รับประทานยาเพื่อชะลอการทำงานของไขกระดูกในการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง
ผู้ที่มีภาวะเลือดข้นและอยู่ในระหว่างการรักษาสามารถดูแลตัวเองที่บ้านให้ดีขึ้นได้ ด้วยการปฏิบัติตามแนวทางดังต่อไปนี้
ข้อมูลอ้างอิง : pobpad.com/เลือดข้น